อินทิรา คานธี หญิงเหล็กแห่งอินเดีย ตอนที่ 2
อินทิรา คานธี หญิงเหล็กแห่งอินเดีย ตอนที่ 2
เพลงประกอบภาพยนตร์ Pakeezah (บริสุทธิ์) ฉายในปี 1972 เขียนและกำกับโดย Kamal Amrohi ดนตรีโดย Ghulam Mohammed และ Naushad Ali ขับร้องโดย Mohammed Rafi, Lata Mangeshkar ดาราทั้งสองคือ Raj Kumar กับ Meena Kumari
ปี 1936 เธอเข้าสอบเอนทรานซ์สุดหินยาวนาน 7 ชั่วโมงที่ซอมเมอร์วิลล์ คอลเลจ อ๊อกซฟอร์ด เธอสอบตกครั้งแรกและครั้งที่สอง มาผ่านเอาครั้งที่สาม เพราะติดวิชาภาษาละตินที่เธออ่อนและเกลียดมาก แม้จะเข้าเรียนที่อ๊อกซฟอร์ดได้ แต่ในปี 1938 เธอตัดสินใจลาออกเพราะภาษาละตินที่เธอเกลียดกลัวนั่นเอง ทำให้เธอไม่จบการศึกษาระดับปริญญา
ปี 1941 อินทิรา สมรสกับ เฟโรซ คานธี ให้กำเนิดบุตรชายสองคน คือ ราจีฟกับสัญชัย เมื่อยวาฮัรลาลได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกหลังจากอินเดียได้รับเอกราชในปี 1947 เธอก็ย้ายไปอยู่บ้านบิดาในฐานะปฏิคม
ปี 1959 เธอทะยานขึ้นมาสู่ตำแหน่งประธานพรรคคองเกรส และหลังจากยวาฮัรลาลถึงแก่อสัญกรรมในปี 1964 เธอก็เข้าร่วมรัฐบาล ลาล บาฮาดูร ศาสตรี ในฐานะรัฐมนตรีสารสนเทศและการออกอากาศ เมื่อศาสตรีเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวาย
ปี 1966 ความทะเยอทะยานทางการเมืองของเธอปรากฏชัด เธอก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่สามและหญิงคนแรกของอินเดีย เธอดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงปี 1977
ปี 1966-1971 เธอขึ้นถึงจุดสูงสุดของอำนาจ
ปี 1971 เธอได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นด้วยคำขวัญ "Garibi Hatao" (ขจัดความจน) และนำอินเดียสู่ชัยชนะทางการทหารเหนือปากีสถาน มีผลให้ปากีสถานตะวันออกแยกออกจากปากีสถานตะวันตกเป็นประเทศบังคลาเทศ
พฤษภาคม 1974 รัฐบาลอินเดียที่เธอเป็นผู้นำได้ทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกในทะเลทรายโปคราน เพื่อตอบโต้สนธิสัญญาการเผยแพร่อาวุธนิวเคลียร์ปี 1970 เธอมองว่าสนธิสัญญาดังกล่าวให้ความชอบธรรมในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์แก่มหาอำนาจ 5 ประเทศ แต่ปิดกั้นอินเดียในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ระหว่างช่วงเวลานี้อินทิราได้รับการสรรเสริญว่าเป็น "จักรพรรดินีแห่งอินเดีย"
ปี 1975 อินทิราพลิกผันตัวเองจากจักรพรรดินีมาเป็นจอมเผด็จการแห่งอินเดีย ด้วยการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เป็นเวลา 21 เดือนที่อินเดียพ้นจากความเป็นประชาธิปไตย เพราะมีการระงับสิทธิพลเมือง มีผู้ถูกจับกุมคุมขังนับพันคน มีโครงการกวาดล้างสลัมและทำหมันหมู่ และสื่อก็ถูกคัดกรองอย่างหนัก โดยไม่มีใครคาดคิดเลย
ปี 1977 อินทิราประกาศการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นการยุติภาวะฉุกเฉิน อินทิรากับพรรคคองเกรสพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี 1977 และพรรคชนตาก็ก้าวสู่อำนาจ เป็นจุดจบช่วงเวลา 11 ปีที่เธอเป็นนายกรัฐมนตรี
ปี 1979 รัฐบาลพรรคชนตาล่ม อินทิรากลับมาอีกครั้งอย่างผ่าเผย เธอเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไป และสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1980 ห้าเดือนหลังจากอินทิราชนะเลือกตั้ง สัญชัยลูกชายคนเล็กของเธอก็เครื่องบินตกเสียชีวิต
ช่วงปีท้ายๆ ที่เธอครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิดความรุนแรงระส่ำระสายทั่วประเทศ เธอสั่งดำเนินการปฏิบัติการดาวสีฟ้า ใช้กองกำลังเข้าจู่โจมมหาวิหารทองคำฮัรมันดีร์ ซาฮิบเพื่อถล่มผู้ก่อการร้ายชาวซิกข์ที่เรียกร้องให้สร้างประเทศใหม่สำหรับชาวซิกข์ที่เรียกว่าคาลิสถาน การตัดสินใจนี้เองส่งผลให้เธอถูกสังหารด้วยน้ำมือองครักษ์ชาวซิกข์สองคนในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1984
แม้อินทิรา คานธีจะเกิดในครอบครัวเนห์รูที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมั่งคั่ง แต่ชีวิตของเธอก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขุ่นเคืองมากมาย ครั้งหนึ่งนักเขียนนวนิยายชื่อดัง ไอริส เมอร์ดอค ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนแบดมินตันด้วยกัน เขียนถึงเธอว่า 'เป็นคนไม่มีความสุข ว้าเหว่ และไม่แน่ใจอนาคตตัวเอง'
เพียงไม่กี่วันก่อนเธอจะถูกสังหารในปี 1984 เธอกล่าวความในใจต่อเพื่อนสนิทคนหนึ่งว่า "ฉันแน่ใจเลยว่าในตัวฉันไม่มีอะไรน่าชื่นชมสักอย่าง"
จากวรรณกรรมชีวประวัติของอินทิรา พอสรุปได้ว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กจนถึงวัย 18 ปีไม่มีความสุขมากนักคือ
1. การที่เธอถือกำเนิดเป็นบุตรีคนเดียวของยวาฮัรลาล เนห์รูในช่วงเวลาที่เขากำลังนำพาครอบครัวเนห์รูเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญ
2. การที่ครอบครัวทางฝ่ายพ่อปฏิบัติไม่ดีต่อแม่ ซึ่งเป็นคนที่เธอรักและสงสารมากที่สุดคนหนึ่งในชีวิต
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย