อัมเบดการ์: ผู้แสวงหาเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพในอินเดีย (ตอนที่ 2)
774 views
0
0
"อัมเบดการ์ ตอนที่ 2"

Abide With Me (อยู่กับฉัน)
ขับร้องโดย Sonam Kalra และคณะ ในอัลบัมชุด The Sufi Gospel
เนื้อหาแบบซูฟี ตอนที่ตัดมามีใจความว่า

"สูตามหาเราในหนใดเล่า ก็ตัวเราอยู่กับสู ใช่อยู่ไหน
จาริกรอนแรมนานศาลเจ้าใดถึงแม้ปลีกวิเวกไป ไม่พบพลัน
ไม่เห็นเราทั้งในวัดในสุเหร่า ไม่มีเราที่หินใหญ่ ไกรลาสสวรรค์
มนุษย์เอ๋ย เรากับสูอยู่ด้วยกัน ในสูนั้นมีเราอยู่เนานาน
มิใช่ในมนต์ธรรมกรรมบถ มิใช่ในศีลพรตอดอาหาร
มิใช่ในโยคีผู้มีฌาน มิใช่ในปวงทานหว่านบำเพ็ญ
หาในห้วงอากาศ ไม่อาจพบ ค้นจนจบโลกธาตุ ไม่อาจเห็น
แม้ในครรภ์ธรรมชาติ ไม่อาจเป็น เสาะในสิ่งลึกเร้น ไม่ผ่านตา
เพียรค้นดูแล้วสูจะได้พบ ได้ประสบในยามนั้นที่มั่นหา
เงี่ยหูฟังกบีร์ท่านจะพรรณนา ในศรัทธาของสู เราอยู่เอยฯ"

อัมเบดการ์: ผู้แสวงหาเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพในอินเดีย (ตอนที่ 2)
อัมเบดการ์กับมหาตมาคานธี

ณ จุดนี้ คงทำให้เห็นภาพบ้างแล้วว่า ความคิดของอัมเบดการ์คล้ายกับของมหาตมาคานธีอยู่บ้าง ซึ่งต่างจากความเชื่อที่ว่าอัมเบดการ์กับคานธีนั้นไม่เห็นลงรอยในทุกเรื่องทุกประเด็นอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองมองไปไกลกว่าเอกราชทางการเมืองจากอังกฤษ แต่อัมเบดการ์แตกต่างจากมหาตมาคานธีตรงที่ว่า เขามุ่งมั่นที่จะทำลายระบอบโบราณของอินเดียที่สร้างความชอบธรรมต่อการคงอยู่ของระบบวรรณะ ในขณะที่มหาตมาคานธีผู้ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการกีดกันทางวรรณะมองเห็นระบอบโบราณอินเดียเป็นประโยชน์ไม่น้อยในการเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ ความพยายามของอัมเบดการ์มุ่งเน้นไปยังการสร้างชาติ การสร้างความเสมอภาคทางสังคม และการบูรณาการทางวัฒนธรรม

ดังที่เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “การต่อสู้ของเรานั้น ใช่เพื่อความมั่งคั่ง ฤๅใช่เพื่ออำนาจ การต่อสู้ของเรานั้น เพื่ออิสรภาพ เพื่อประกาศสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์” มิน่าแปลกใจด้วยว่าทำไมอัมเบดการ์จึงยึด ‘เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ’ เป็นหลักแห่งชีวิต

อัมเบดการ์

ชาวอินเดียจำนวนมากนิยมเรียกอัมเบดการ์ด้วยความเคารพรักว่า ‘บาบาซาเฮบ’ หรือพ่อ คำว่า ‘บาบา’ เป็นคำที่ในหลายภูมิภาคของอินเดียนิยมใช้เรียกบุรุษที่น่าเคารพนับถือ ซึ่งอาจจะหมายถึงเทพ นักบวช หรือสมาชิกครอบครัว เช่น พ่อ ลุง หรือปู่ก็ได้ ในกรณีที่ใช้กับอัมเบดการ์มักจะหมายถึงพ่อ เช่นเดียวกับผู้คนที่เรียกมหาตมาคานธีว่า ‘บาปู’ ในขณะที่คำว่า ‘ซาเฮบ’ จะหมายถึงท่านหรือคุณ รวมกันแล้วจะแปลเป็นภาษาไทยได้ว่าคุณพ่อ ในปัจจุบันผู้คนที่เคารพรักอัมเบดการ์อาจจะให้ความหมายต่อ ‘บาบาซาเฮบ’ แตกต่างกันไป มีผู้คนจำนวนหนึ่งด้วยที่ใช้คำว่า ‘บาบาซาเฮบ’ ในความหมายที่ว่าอัมเบดการ์คือบุคคลผู้มีความรอบรู้ดีและฉลาดปราดเปรื่อง

อัมเบดการ์เกิดวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1891 ในเมืองเล็กๆ ที่มีทหารรักษาการณ์ในตอนกลางประเทศอินเดีย เขาเป็นบุตรคนสุดท้อง (คนที่ 14) ของรามยีกับภิมาไบ สังก์ปาล อัมเบดการ์เป็นเด็กที่ถูกตามใจและเป็นที่รักของครอบครัวมาก ที่บ้านมักจะเรียกเขาด้วยชื่อเล่นอย่างรักใคร่ว่าภิมาหรือภิวา ครอบครัวของอัมเบดการ์เป็นคนนอกวรรณะที่เรียกว่า ทลิต ภาษาอังกฤษนิยมใช้คำว่า ‘Untouchable’ เรียกสลับสับเปลี่ยนกับทลิตด้วย คำว่า ‘Untouchable’ หมายถึงผู้ห้ามแตะเนื้อต้องตัว ตามความเชื่อที่ว่าหากผู้มีวรรณะโดยเฉพาะพราหมณ์แตะเนื้อต้องตัวแล้ว จะทำให้ตนแปดเปื้อนได้

ทลิตในอินเดีย

ทลิตในอินเดียแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน ครอบครัวของอัมเบดการ์เป็นมหาร ซึ่งเป็นทลิตกลุ่มใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งในอินเดีย

การที่มหารอยู่กันอย่างแพร่หลายในฝั่งตะวันตกของอินเดีย หรือรัฐมหาราษฏร์ในปัจจุบัน ทำให้เกิดสำนวนว่า ‘ที่ใดมีหมู่บ้าน ที่นั่นมีที่พักพวกมหาร’ กล่าวได้ว่า มหารเป็นกลุ่มที่ก้าวหน้าและมีพลวัตที่สุดในหมู่ทลิตด้วยกัน ทั้งในเชิงสติปัญญาทั่วไป ความยืดหยุ่นทางกายภาพ และความปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ มหารจำนวนหนึ่งเป็น “คนรับใช้ในหมู่บ้าน ผู้ทำหน้าที่ที่ตนได้รับสืบทอดจากบรรพบุรุษ ในการรับใช้หัวหน้า นักการเมืองระดับสูง และกลุ่มผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน” พวกเขาได้รับจัดสรรที่ดินผืนเล็กๆ แลกกับการรับใช้ดังกล่าว และพวกเขายังเป็นแรงงานภาคเกษตรกรรมอีกด้วย ในหลายพื้นที่ของรัฐโดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของรัฐมหาราษฏร์ บางครั้งพวกเขาก็มีทรัพย์สินมากกว่านั้น และบางคนก็กลายเป็นชาวนาที่ร่ำรวยหรือแม้กระทั่งเจ้าที่ดินด้วย และยังพบได้อีกว่า มหารจำนวนหนึ่งประกอบอาชีพเป็นแรงงานในอุตสาหกรรมสมัยอาณานิคมอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็มีมหารเช่นทลิตกลุ่มอื่นที่ประกอบอาชีพซึ่งคนวรรณะสูงไม่ต้องการทำด้วย นั่นคือ เก็บกวาดซากสัตว์และเศษอาหาร

มหาร

มหารส่วนใหญ่มีประเพณีด้านวัฒนธรรม-ศาสนาที่เชื่อมพวกเขากับขนบที่กว้างกว่าของชุมชนชนบท และสำแดงความนิยมความเท่าเทียมของมนุษย์ และปณิธานในการกอบกู้อิสรภาพของพวกเขา บางคนเป็นพวกวารกรี ซึ่งเป็นสาวกลัทธิวิโฐพา อันเป็นขบวนการภักติหลักของรัฐมหาราษฏร์ บางคนเป็นพวกมหานุภาพ ซึ่งเป็นสมาชิกขบวนการนิยมความเท่าเทียมที่ยิ่งเก่าแก่ขึ้นไปอีก จากชุมชนนี้เกิดขอทานพเนจรขึ้นหลายๆ แบบ ซึ่งมักจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับขนบพราหมณ์ หรือมิใช่พราหมณ์ หรือมุสลิมที่พบในชนบทแบบที่ตนเองสังเคราะห์ขึ้นเอง ครอบครัวของอัมเบดการ์เป็นศิษย์สำนักปรัชญากบีร์ กบีร์ผู้เกิดเป็นมุสลิมและน่าจะมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 15 นั้น จัดว่าเป็นหนึ่งในนักปรัชญาที่อยู่ในขบวนการฮินดูอันกว้างขวางที่รู้จักกันในนามภักติ ซึ่งมักจะใช้บทกวีและเพลงซึ่งมิได้แต่งเป็นภาษาสันสกฤต แต่เป็นภาษาพื้นบ้าน เพื่อเปลี่ยนแปลงความยึดติดแบบล้าสมัยในสังคม การเกิดขบวนการภักติในอินเดียเหนือคู่ขนานไปกับการแผ่ขยายของขบวนการซูฟีในอิสลาม ทั้งสองขบวนการนี้ต่างก็ยอมรับความคิดเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคลกับพระเจ้า นักบวชหรือมุลเลาะห์นั้นไม่จำเป็น พิธีกรรมอันเคร่งครัดก็ไม่จำเป็น ถ้อยคำประกาศศรัทธาอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะพูดออกมาอย่างหยาบกระด้างเพียงใด แต่ก็ยังมีพลังที่จะไปถึงหูของพระเจ้า โดยรวมแล้ว กบีร์ได้สั่งสอนต่อต้านวรรณะ และยึดมั่นอุดมคติแห่งความเท่าเทียมของมนุษย์ในสายตาของพระเจ้า ดังบทกวีบทหนึ่งของเขาที่อ่านให้ฟังในช่วงต้นน่าจะสะท้อนตัวตนของเขาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย