มหกรรมหมากรุกโลก 2022 กับพัฒนาการวงการหมากรุกอินเดีย
469 views
0
0

เพลง Vanakkam Chennai Chess
เพลงที่เปิดไปเป็นเพลงภาษาทมิฬผสมกับภาษาอังกฤษ มีชื่อว่า “Vanakkam Chennai Chess” คำว่า “วณักกัม” ในชื่อเพลงมีความหมายว่า “สวัสดี” ในภาษาทมิฬนั่นเอง จึงแปลว่า “สวัสดี หมากรุกเจนไน”

ทำไมต้องเป็นหมากรุก ก็เพราะเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2022 เมืองเจนไน นครหลวงของมลรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญระดับโลกงานหนึ่งคืองาน 44th FIDE Chess Olympiad 2022 หรือ “ฟิเดเชสโอลิมเปียด” ครั้งที่ 44 ปี ค.ศ. 2022 นั่นเอง ถ้าให้อธิบายง่าย ๆ งานนี้ก็คืองานมหกรรมแข่งขันหมากรุกสากลทีมชาติระดับโลก งานครั้งนี้จึงเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวทมิฬมาก เพลงนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นเพลงต้อนรับในงานดังกล่าว ประพันธ์และอำนวยการผลิตโดย A R Rahman ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเพลงทมิฬ และเสียงร้องหลักของเพลงก็คือตัว A R Rahman เอง ร่วมด้วยนักร้องสมทบอีกหลายคน
________

30 มกราคม พ.ศ. 2564 รายการปกิณกะอินเดียได้ออกอากาศในตอนที่ชื่อว่า "จตุรงค์อินเดีย สู่หมากรุกโลก" ซึ่งได้กล่าวถึงประวัติคร่าว ๆ ของเกมที่ชื่อว่า จตุรงค์ อันเป็นบรรพบุรุษของเกมหมากรุกอื่น ๆ ทั่วทั้งโลก รายละเอียดสามารถย้อนฟังได้บนเว็บไซต์ของสถานีวิทยุจุฬาฯ https://curadio.chula.ac.th/Program-Detail.php?id=10637

เราได้ทิ้งท้ายไว้ว่า กติกาจตุรงค์แบบดั้งเดิมนั้นสูญหายไปแล้ว ทุกวันนี้สิ่งที่คนอินเดียนิยมเล่นกันคือ Chess หรือหมากรุกแบบสากล ซึ่งผมมีความเห็นอยู่เสมอมาว่าควรเรียกว่าหมากรุกฝรั่งตามแบบคนสมัยก่อน ๆ เพราะที่จริงคือหมากรุกของชาติตะวันตกเท่านั้น ส่วนของอาเซียนและเอเชียตะวันออกก็มีหมากรุกของตนเองอยู่หลายชาติ แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เมื่อสิ่งใดถูกนำมาเผยแพร่โดยชาติตะวันตกมักจะถูกเรียกว่าสากลอยู่เนือง ๆ ดังนั้นขอให้เข้าใจว่าในวันนี้เมื่อเราพูดคำว่า “หมากรุก” จะหมายถึง Chess เท่านั้น

มหกรรมหมากรุกโลก 2022

ที่กลับมาพูดเรื่องหมากรุกอีกครั้ง ก็เพราะว่าวงการหมากรุกของอินเดียมีพัฒนาการขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าจับตามอง

อินเดียเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมหมากรุกระดับโลกเมื่อปี 2022 งานนี้เป็นงานใหญ่มากและกินเวลาถึงครึ่งเดือน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อินเดียที่ได้จัดงานนี้ สาเหตุที่ได้จัดก็คงต้องนับว่าเป็นโชคดีของอินเดียก็ว่าได้ เพราะเดิมทีงานนี้มีตารางจัดที่รัสเซีย แต่เนื่องจากรัสเซียไปบุกยูเครน ทำให้ถูกถอดออกจากการเป็นเจ้าภาพ และอินเดียได้เป็นแทน

การแข่งขันแบ่งเป็นประเภททีมโอเพ่น ซึ่งมีทีมจากชาติต่าง ๆ เข้าร่วมถึง 188 ทีม ทีมโอเพ่นนี้ไม่จำกัดเพศก็จริง แต่ส่วนใหญ่ผู้เข้าแข่งเป็นผู้ชาย เพราะเรตติ้งโดยรวมสูงกว่า และนักหมากรุกสตรีส่วนใหญ่ก็จะลงแข่งประเภททีมหญิง ซึ่งมีทีมชาติเข้าร่วม 162 ทีม จะเห็นได้ว่าเป็นมหกรรมอย่างแท้จริงเพราะจำนวนประเทศที่เข้าร่วมมีมากมาย อันที่จริงต้องนับว่าจำนวนทีมเข้าร่วมมากเป็นประวัติการณ์ด้วยซ้ำ

ผลการแข่งขัน ผู้ชนะเลิศประเภททีมโอเพ่น ได้แก่ อุซเบกิสถาน ส่วนประเภททีมหญิง ได้แก่ ยูเครน ข้างอินเดียที่เป็นเจ้าภาพได้อันดับที่ 3 ทั้งสองประเภท ประเทศไทยเองก็ส่งทีมเข้าร่วมทั้งสองประเภทเช่นกัน โดยหลังแข่งจบ ทีมโอเพ่นของไทยได้อันดับที่ 103 ส่วนทีมหญิงได้อันดับที่ 81

ในพิธีเปิดที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ สนามกีฬาในร่ม ยวาหระลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru Indoor Stadium) นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดีได้เข้าร่วมเป็นประธานพิธี เนื้อหาบางตอนของคำกล่าวของโมดีนั้นมีอยู่ว่า ความสำคัญของมหกรรมหมากรุกครั้งนี้คือเกิดขึ้นในปีที่ 75 แห่งเอกราชอินเดียจากชาติเจ้าอาณานิคม นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนักหมากรุกจากนานาชาติในช่วงเวลาเช่นนี้ โมดีได้กล่าวปลุกขวัญนักกีฬาทุกคนอย่างเฉียบคมว่า “In sports there are no losers, there are winners and there are future winners.” (ในการเล่นกีฬานั้นไม่มีผู้แพ้ มีแต่ผู้ชนะและผู้จะชนะในอนาคต)

โมดียังได้เน้นความสำคัญของหมากรุกในประวัติศาสตร์ทมิฬนาฑูด้วยว่า “ในทมิฬนาฑูมีวัดอยู่มากมายที่มีประติมากรรมแสดงการละเล่นต่าง ๆ คุณจะพบแม้กระทั่งวัดที่ชื่อจตุรังควัลลภนาถัร (Chaturanga Vallabhanathar) ที่ติรุวะรูร์ (Thiruvarur) ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเทพเจ้าได้เสด็จลงมาเล่นหมากรุกกับเจ้าหญิง เหตุนี้เป็นธรรมดาที่ทมิฬนาฑูจะมีสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับหมากรุก นี่คือเหตุที่ทมิฬนาฑูถูกเรียกว่าฐานทัพหมากรุกของอินเดีย และได้ผลิตผู้เล่นระดับแกรนด์มาสเตอร์มาแล้วหลายต่อหลายคน

เกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับทัศนคติของนายกโมดีต่อการเล่นหมากรุก

แม้ว่าเราจะไม่มีหลักฐานเป็นเรื่องเป็นราวว่าตัวนายกโมดีเล่นหมากรุกได้เก่งกาจเพียงไร แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบก็คือ โมดีส่งเสริมการเล่นหมากรุกมาตั้งแต่เขายังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมลรัฐคุชราต

ในช่วงปี ค.ศ. 2009 เขาได้ประกาศให้หมากรุกอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนภาคบังคับของโรงเรียนในมลรัฐคุชราต ทำให้คุชราตกลายเป็นมลรัฐแรกที่บรรจุหมากรุกไว้ในหลักสูตรภาคบังคับ และหลายมลรัฐก็เอาอย่างตาม ๆ มาจนกระทั่งทุกวันนี้

แรงบันดาลใจของโมดีมาจากในปี ค.ศ. 2001 ก่อนที่เขาจะได้เป็นผู้ว่าการมลรัฐคุชราต เมื่อครั้งที่เขาไปเยี่ยมเยียนเมืองในประเทศอาเซอร์ไบจันที่ชื่อว่า บากู (Baku) เขาค้นพบว่า เด็กนักเรียนในเมืองบากูนั้นฉลาดปราดเปรื่องกว่าเด็กในแถบอื่น ๆ ของบริเวณที่เคยเป็นสหภาพโซเวียตมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่บากูทำก็คือบรรจุหมากรุกในหลักสูตรของโรงเรียน ทำให้บากูให้กำเนิดเซียนหมากรุกระดับแกรนด์มาสเตอร์รวมถึง 8 คน และหนึ่งในนั้นก็คือ แกรี คาสปารอฟ (Garry Kasparov) แชมป์โลกหมากรุกที่ครองอันดับหนึ่งในโลกยาวนานกว่า 20 ปี (ตั้งแต่ ค.ศ. 1984 ถึง 2005) โมดีเริ่มโครงการนี้จากอำเภออาห์เมดาบาดเป็นที่แรก โดยในปีก่อนหน้าเขาได้เตรียมฝึกครูในโรงเรียนจำนวนกว่า 1,200 สำหรับสอนหมากรุกให้นักเรียน และขยายขอบเขตจนบังคับถ้วนหน้าในปี ค.ศ. 2010

ทมิฬนาฑู แหล่งกำเนิดนักหมากรุกชั้นนำของอินเดีย

ย้อนกลับมากล่าวถึงทมิฬนาฑูในฐานะเมืองฐานทัพหมากรุกอินเดีย เราจะเห็นได้ว่า ทมิฬนาฑูเป็นแหล่งกำเนิดนักหมากรุกชั้นนำของอินเดียหลายคน

นับตั้งแต่ วิศวนาถัน อานันท์ (Viswanathan Anand) สุดยอดนักหมากรุกที่โด่งดังที่สุดในอินเดียตลอดกาล และคลื่นลูกใหม่อย่าง รเมศบาบู ปรัชญานันทา (Rameshbabu Praggnananthaa) ไปจนถึง ดอมมาราจู คุเกศ (Dommaraju Gukesh) ซึ่งทั้งคู่เป็นนักหมากรุกวัยเยาว์ที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแซงคลื่นลูกเก่าหลายลูก จะขอเล่าประวัติคนทั้งสามพอสังเขป

วิศวนาถัน อานันท์

หรือที่รู้จักกันด้วยชื่อเล่นว่า วิชี่ อานันท์ (Vishy Anand) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1969 ที่มยิลาฑุตุไร (Mayiladuthurai) มลรัฐทมิฬนาฑู เป็นบุตรคนเล็กในสามคน ห่างจากพี่คนรองถึง 11 ปีและจากพี่สาวคนโต 13 ปี พ่อของเขาชื่อว่า กฤษณะมูรติ วิศวนาถัน (Krishnamurthy Viswanathan) ซึ่งทำงานการรถไฟ อานันท์เริ่มเรียนรู้การเล่นหมากรุกจากแม่ของเขาเมื่ออายุได้หกขวบ แต่มาเรียนรู้อย่างจริงจังก็เมื่อครอบครัวของเขาย้ายไปมนิลา

อานันท์เติบโตในวงการหมากรุกระดับชาติอย่างก้าวกระโดด เขาเป็นแชมเปี้ยนเยาวชนระดับชาติในปี ค.ศ. 1983 เมื่ออายุ 14 ปี และเพียงปีเดียวต่อมาคือเมื่ออายุ 15 เขาก็ได้คำนำหน้า International Master (ตัวย่อ IM) อายุ 16 เขาได้ตำแหน่งแชมป์ประเทศอินเดีย และในปี ค.ศ. 1988 เมื่ออายุได้ 18 ปีเขาก็กลายเป็นนักหมากรุกอินเดียคนแรกที่ได้คำนำหน้า Grandmaster (GM) ซึ่งขออธิบายว่าการที่นักหมากรุกจะได้รับคำนำหน้านี้มิใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีผลงานในการแข่งขันขึ้นถึงระดับเทียบเท่า GM (Grandmaster Norm) ถึงสามรายการและต้องมีเรตติ้งรวมไม่ต่ำกว่า 2500 หลังจากได้เป็น GM ผลงานของเขายอดเยี่ยมและโดดเด่นจนส่งผลให้เขาได้รับอิสริยาภรณ์ปัทมศรีในปีเดียวกันนี้เอง

อานันท์ได้กลายเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในปี ค.ศ. 2007 ในเวลาต่อ ๆ มาก็ได้เป็นแชมป์โลกอีกบ่อยครั้ง รวมถึง 5 ครั้งด้วยกัน ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ของนักหมากรุกจากอินเดีย

ในปี ค.ศ. 2007 เขาได้กลายเป็นนักกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์อินเดียที่ได้รับอิสริยาภรณ์ปัทมวิภูษัณ ซึ่งเป็นรองเพียงภารัตรัตนะเท่านั้น อานันท์ได้เข้ารับการประดับอิสริยาภรณ์ปัทมวิภูษัณจากมือประธานาธิบดี นางประติภา เทวีสิงห์ ปาติลในปี ค.ศ. 2008 ถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดในชีวิตเขา ซึ่งทำให้ในเวลาต่อมา อานันท์กลายเป็นนักกีฬาเพียงคนเดียวที่ได้รับเชิญจากนายกรัฐมนตรีมันโมหัน สิงห์ ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำรับรองนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 ปัจจุบันอานันท์ดำรงตำแหน่งรองประธานสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation – FIDE)

แน่นอนว่านักหมากรุกรุ่นใหญ่อย่างอานันท์ซึ่งขึ้นระดับวีรบุรุษชาติ ย่อมกล่าวได้ว่าเป็นนักหมากรุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดียโดยไม่ต้องสงสัย

รเมศบาบู ปรัชญานันทา

เด็กหนุ่มผู้เป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง เขาเกิดที่เมืองเจนไน มลรัฐทมิฬนาฑู เมื่อปี ค.ศ. 2005 ตอนนี้เขาจึงมีอายุเพียง 17 ย่าง 18 ปีเท่านั้น เขามักปรากฏตัวหน้ากระดานหมากรุกพร้อมด้วยรอยเจิมหน้าผากสีขาวเป็นเอกลักษณ์

ผลงานที่ผ่านมาของปรัชญานันทานั้นน่าทึ่งมาก เขาได้คำนำหน้า FIDE Master (FM) เมื่ออายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น และต่อมาได้คำนำหน้า International Master (IM) เมื่ออายุ 10 ขวบ 10 เดือน 19 วัน ซึ่งจัดเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้รับตำแหน่งนี้ และต่อมาก็ได้รับคำนำหน้า Grandmaster (GM) เมื่ออายุ 12 ปี 10 เดือน 13 วัน จัดเป็น GM อายุน้อยที่สุดอันดับห้าในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ เด็กหนุ่มปรัชญานันทายังเป็นหนึ่งในผู้เล่นจากอินเดียไม่กี่คนที่เคยเอาชนะแชมป์โลกคนปัจจุบันคือมักนุส คาร์ลเซน (Magnus Carlsen) ชาวนอร์เวย์ได้อีกด้วย

คุเกศ

อีกคนหนึ่งซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันคือ คุเกศ เป็นชาวทมิฬนาฑูเช่นกัน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 2006 ที่เมืองเจนไน พ่อของคุเกศชื่อราชนิกันต์ (Rajnikanth) เป็นแพทย์หูคอจมูก ส่วนแม่ชื่อปัทมา (Padma) เป็นนักจุลชีววิทยา

เขาเรียนรู้หมากรุกเมื่ออายุ 7 ขวบ และพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งได้รับคำนำหน้า GM เมื่ออายุเพียง 12 ปี 7 เดือน 17 วัน เป็น GM อายุน้อยที่สุดอันดับสามในประวัติศาสตร์ ในปี ค.ศ. 2022 เมื่ออายุ 16 ปี เขาเอาชนะแชมป์โลกมักนุส คาร์ลเซนในการแข่งเกมเร็ว และกลายเป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่สามารถเอาชนะคาร์ลเซนได้

ไม่ว่าจะปรัชญานันทาหรือคุเกศ ต่างก็ยังคงอยู่ในวัยรุ่น ดังนั้นอนาคตของทั้งสองน่าจับตามองว่าจะไปได้ถึงระดับรุ่นพี่อย่างอานันท์หรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้สูงมาก เราอาจตระหนักได้จากเรื่องนี้ด้วยว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่เปรียบเสมือนสมบัติของชาติ หากได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอย่างเหมาะสม ก็จะเป็นกำลังสำคัญของชาติได้อย่างแน่นอน
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และ ศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ